รีวิว Arcane อนิเมชั่นชุดจากเกม โมบ้าชื่อดังอย่าง League of Legends ซีรีส์แห่งชาติของปี องค์ของภาพยนตร์ ให้ความรู้สึก เหมือนดูหนังเรื่องยาวๆ

รีวิว Arcane อนิเมชั่นชุดจากเกม โมบ้าชื่อดังอย่าง League of Legends ซีรีส์แห่งชาติของปี

รีวิว Arcane  หนังเด็ด ต้องแนะนำ   นี่น่าจะเป็น  อนิเมชั่น  อีกหนึ่งซีรีส์แห่งชาติของปี หรือว่าจะเป็น ปรากฏการณ์เลยก็ได้สำหรับ Arcane  อนิเมชั่นชุดจากเกม โมบ้าชื่อดัง  อย่าง  League of Legends  เลื่อนฟีดไปใน social ต่างๆ ไม่ว่าจะไปทางไหน ก็เห็นแต่หน้า เรื่องนี้เต็มไปหมด รีวิวเต็มไปหมดเลย คะแนนเต็ม 10 เต็มทั้งหน้า facebook เต็มในทุกๆ social media

ตัวผู้เขียนเอง ก็ได้รับชมเช่นเดียวกันสำหรับเรื่องนี้ แถมคราวนี้ก็ดู ตั้งแต่วันแรกๆที่เข้า ไม่ต้องรอให้ใคร มาป้ายยาแต่อย่างใด แต่ก็ต้องบอกว่า ความรู้สึกหลังดู อาจจะแตกต่าง จากคนอื่นไปบ้าง คือดูแล้วเซ็ง และไม่ใช่คำพูด ที่มาลอยๆแต่อย่างใด แต่ทำไมถึงเป็นอย่างนั้น วันนี้จะมา แบ่งปันผู้อ่าน กับมุมมองของผู้เขียน

ก่อนอื่นต้องขอเกริ่น เอาไว้สักนิด ตัวผู้เขียนเป็นแฟนเกมเกมหนึ่ง ที่ได้ชื่อว่าเป็น คู่แข่งกับ list of legends  เกมนั้นนั่นแหละ

Piltower  ยูโทเปียทุกอย่างสว่างไสว ด้วยสีขาวและทอง บ้านเมืองของผู้คนที่นี่ ล้วนแล้วแต่สวยงาม สมบูรณ์เพียบพร้อม ต่อการใช้ชีวิต

เกมที่เผอิญมีอนิเมชั่น ออกมาใกล้ๆกันด้วย จะไม่ขอเอ่ยถึงชื่อแล้วกัน จะขอแทนว่าเกมเกมนั้นแทน ซึ่งหลักฐานก็อยาก ให้ทุกคนได้ลองดู แล้วเป็นธรรมดาตามนิสัย เวลาที่อินกับอะไร และชอบอะไร ก็มักจะไปหาข้อมูล เกี่ยวกับมันต่อ

รีวิว Arcane

พวกประวัติตัวละคร เรื่องราวเนื้อเรื่องต่างๆ เรียกได้ว่าอินอยู่สมควร แต่เมื่อตัวอนิเมชั่น ของเกมเกมนั้น ถูกปล่อยออกมา ความรู้สึกก็จะประมาณว่า ขอใช้คำว่า ไม่ได้ประทับใจแล้วกัน ทีนี้เรามาพูดถึง Arcane กันบ้าง ตัวของผู้เขียน แทบไม่ได้สัมผัส หรือว่าเล่นเกม ในเครือของ lol หรือว่า  lead of legends  มาก่อนไม่รู้จักตัวละคร หรือว่าเรื่องราวใดๆ ไม่ได้คิดจะเล่น แต่ก็แอบสนใจอยู่เหมือนกัน แอบอิจฉาและมี หมั่นไส้เล็กๆอยู่เหมือนกัน

ซึ่งตัวผู้เขียนเอง นั่งนับวันรอ Arcane อยากจะรู้เหมือนกันว่า เขาจะแน่สักแค่ไหน ง้างมือรอรีวิวเลยล่ะ ซึ่งก็ต้องบอกเลยว่า ตั้งใจเหมือนกัน ว่าถ้าเกิดว่าพลาด เราจะจัดเต็มเลยแน่นอน ตะวันนี่คือความรู้สึกของผู้เขียนจริงๆ

ถ้าเกิดว่าใคร คิดภาพไม่ออก อยากให้ลองเทียบว่าเป็น หนังฮีโร่ของค่าย M กับค่าย D เอาที่เป็นแบบที่ เดนตายจัดๆ ที่เชียร์แค่ค่ายตัวเอง ผู้เขียนเป็นประมาณนั้น เลยก็ว่าได้ แต่ว่าพอได้ดูจริงๆแล้ว

สิ่งแรกใน Arcane ที่เตะตาผู้เขียนเลย ก็คืองานภาพ แล้วก็งานอาร์ต เรื่องลายเส้นและสไตล์ภาพวาด คงไม่มีอะไร ต้องพูดถึงอีกแล้ว เพราะมันรับรู้ ได้ด้วยสายตาทันทีเลย  งานภาพในเรื่อง Arcane  นั้นไม่ได้มีแค่ เรื่องสวยงามอย่างเดียว เพราะว่าความสวยงามของมัน ดูเป็นเรื่องธรรมดาไปเลย เมื่อเทียบกับสิ่ง ที่มันซ่อนเอาไว้ ขอเริ่มที่ concept ของมันก่อนแล้วกัน

ซอลเมืองที่อยู่ต่ำลงมา เป็นด้านกลับกันของพิลโทเวอร์ มันก็เป็นเมืองแห่งฝันเช่นเดียวกัน แต่เป็นฝันร้าย

Arcane นั้นจะแยกทุกอย่างออกแบบ 2 ด้านให้เห็นชัดเจน  piltower  นั้นจะมาใน theme ยูโทเปียทุกอย่างสว่างไสว ไปด้วยสีขาวและทอง บ้านเมืองของผู้คนที่นี่ ล้วนแล้วแต่สวยงาม สมบูรณ์เพียบพร้อม ต่อการใช้ชีวิต เป็นเมืองแห่งฝันอย่างแท้จริง

ซอลเมืองที่อยู่ต่ำลงมา ที่นี่ราวกับ เป็นด้านกลับกันของ  พิลโทเวอร์  มันก็เป็นเมืองแห่งฝันเช่นเดียวกัน แต่เป็นฝันร้าย สีดำม่วงเขียว นี่คือสีประจำ ของสถานที่แห่งนี้ แสดงให้เห็นถึงความเป็นพิษ อาหารที่ไม่ถูกอนามัย แหล่งที่ชุกชุมไปด้วยโจร และพวกนอกกฎหมาย

ซึ่งนี่ก็อาจจะเหมือนกับ concept ที่เห็นได้ทั่วๆไป แต่ว่าความจริงของ Arcane ก็คือการใช้มันได้ อย่างคุ้มค่านั่นเอง งานภาพไม่ได้เป็นสิ่งที่ มีไว้ลอยๆอย่างเดียว หรือเอาไว้โชว์ความสวยงาม หรือใส่ไว้ในเทเลอร์เท่านั้นแต่มันยังสามารถ เชื่อมโยงเรื่องราว ตัวละครที่เกิดใน 2 เมืองนี้ ก็มีแนวคิดลักษณะนิสัย การใช้ชีวิต ที่ไม่เหมือนกัน งานภาพก็เป็นส่วนหนึ่ง การต่อยอดจากงานภาพ ไปสู่สิ่งอื่นนั้น คือสิ่งที่น่าชื่นชมมากกว่า

รีวิว Arcane

 อีกอย่างที่ต้อง พูดเลยก็คือ Arcane นั้นเป็นอนิเมชั่น ที่ใส่ใจรายละเอียด เล็กๆน้อยๆอย่างมาก มีความเป็นซิเนเมติกสูง จนน่าเหลือเชื่อ อย่างฉากเล็กๆที่ไม่จำเป็นต้องทำเขาก็ทำ คิดภาพบรรยายตามบทสมมุตินี้นะ แคทลีนกำลังเริ่มสับสน ความลังเลกำลังเกิดขึ้นในใจ

เธอรู้ดีว่า สิ่งที่กำลังจะทำนั้น อาจจะก่อปัญหาใหญ่ตามมาได้ หญิงสาวย่างก้าวลงไป ยังคุกเบื้องล่าง ความดำมืดที่ล้อมรอบอยู่ ไม่ได้ทำให้เธอนั้นหวาดหวั่น เท่ากับสิ่งที่รอเธออยู่ สุดปลายทางเดิน แต่ถ้าเอาของเธอนั้น ก็มาหยุดที่หน้าห้องขังนี้แล้ว

จุดมุ่งหมายของฉากนี้คืออะไร ก็แค่ตัวละครหนึ่ง มาเจอกับตัวละครหนึ่ง เท่านั้นหรือเปล่า ถ้าเป็นเรื่องอื่น ก็จะตัดฉากที่ตัวละคร คุยกันเลยก็ได้แต่ Arcane ไม่ใช่ฉากจะค่อยๆ เห็นตัวละคร เริ่มทำหน้าหนักใจ ซูมไปที่เท้า ที่เริ่มเดินไป ยังคุกได้ดิน ซูมออกมาให้เห็นความมืดรอบๆ ส่งกลับไปยัง หน้าตัวละครอีกครั้ง ก่อนจะหยุดลง

และก็มาถึงภาพของการ มาถึงที่หมาย เห็นถึงความประณีตนี้ไหม รู้สึกว่ามัน น่าประทับใจจริงๆ การบรรยายแบบนิยาย มักจะไม่ค่อยถูกใช้ ในหนังสักเท่าไหร่ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ในอนิเมชั่น ถ้าเกิดว่าเป็นหนังที่ถ่ายทำด้วยคนจริง เราก็แค่วางกล้อง ไว้ตามจุดต่างๆ ตามมุมต่างๆ

รีวิว Arcane ไดอะล็อกทำออกมาได้ดี เป็นธรรมชาติแถมยังคมคาย โดยไม่ต้องพูดอะไรเท่ๆ

ก่อนที่จะนำ ฟุตเทจทั้งหมดนั้นมาตัดต่อรวมกัน นำมาเรียบเรียง แต่อนิเมชั่นนี้ มันเป็นคนละเรื่อง มันต้องทำใหม่ทั้งหมด วาดใหม่ทั้งหมด ถ้าเกิดว่าคุณอยากจะเปลี่ยนมุม ก็ต้องวาดใหม่ ซึ่งต้นทุนไม่ใช่น้อยเลย มันทำให้เรานึกถึงภาพ ของการขอทุน มันต้องออกมา เป็นแบบนี้แน่ๆ

” หัวหน้าขอทุนเพิ่มหน่อยสิ ฉากนี้เราอยากจะเพิ่ม รายละเอียดหน่อย ซูมขาตัวละครเข้าไป อยากจะเห็นฉากกำแพงด้านหลัง ขอเพิ่มฉากเพดาน เพิ่มอีกหน่อยด้วยนะ น่าจะขอเพิ่มสัก 200,000 เหรียญ อะไรประมาณนี้นะบอส ”

” อันนี้เป็นฉาก climax action ใช่ไหมไม่มีปัญหาเลย พวกนี้ยังไงเราก็ต้อง จัดเต็มอยู่แล้ว ” ” เออไม่ใช่ฉากแอ๊คชั่นครับ ไม่มีสู้กันเลยครับ แค่ฉากนั่งคุยกันเฉยๆนี่แหละ แต่ผมว่ามัน น่าจะได้อารมณ์ ดีกว่านะครับ ” ” อ๋อได้เลย ”

รีวิว Arcane

นี่ก็คือเหตุการณ์สมมุติเฉยๆ ถ้าเกิดว่าคุณลอง ไปขอใช้ทุน กับเรื่องแบบนี้ ในการทำหนัง อนิเมชั่นเรื่องอื่นๆ ระวังว่าจะโดนหวดแน่นอนแต่ว่า Arcane นั้นกลับทำ แถมทำแบบนี้ตลอดทั้งเรื่องด้วย มันน่าเหลือเชื่อ และบ้ามากๆกับสิ่งที่เกิดขึ้น

สิ่งเล็กๆน้อยๆเหล่านี้ เมื่อมันรวมกัน มันก็กลายเป็น ส่วนที่สำคัญ ที่ยกระดับตัว series นี้ขึ้นมาได้ มันทำให้รู้สึกว่า มันน่าประทับใจจริงๆ แม้แต่เรื่องไดอะล็อก ก็ทำออกมาได้ดี เป็นธรรมชาติแถมยังคมคาย โดยไม่ต้องพูดอะไรเท่ๆ ไม่ต้องมีโค๊ตเท่ๆ คำพูดธรรมดามันก็ สามารถแทงใจได้ ถ้าเกิดมันมา ในเวลาที่เหมาะสม

เป็นทั้งซีรี่ส์ และก็หนังที่ดี 2 รูปแบบนี้มันแตกต่างกัน เจ๋งในแง่ ขององค์ประกอบ

ซึ่งความเจ๋งในแง่ ขององค์ประกอบ มันก็ยังไม่หมดเพียงเท่านี้ ขอใช้คำว่า Arcane เป็นทั้งซีรี่ส์ และก็หนังที่ดีก็แล้วกัน 2 รูปแบบนี้มันแตกต่างกัน ตัว series มีข้อได้เปรียบหนังตรงที่ มีเวลาที่เยอะกว่า สามารถเล่าได้มากกว่า แต่ก็มีข้อจำกัดด้านเวลา แต่ละตอนนั้นต้องได้นาที เท่านี้เท่านี้ มากกว่าได้นิดหน่อย แต่ห้ามน้อยกว่านี้เด็ดขาด

ซีรี่ส์หลายเรื่องที่ แก่นมันไม่ค่อยดี มักจะประสบปัญหา กับสิ่งที่ชื่อว่าเรื่องเอื่อยๆ สาเหตุก็มาจากการ ที่เขาต้องทำฉาก ที่ไม่จำเป็น ไม่ได้ตั้งใจ ไว้ตั้งแต่แรก ยัดเพื่อให้เวลามันพอดี กลับกันถ้าเกิด pot ใหญ่จนเกินไป ระดับมหากาพย์ อะไรแบบนั้น ก็จะเจอกับปัญหา เรื่องเวลาไม่พอ หรือว่าลำดับหน้าหลังชวนสับสน

เหตุผลทั้งหมด ก็เกิดจากข้อจำกัดด้านเวลา พวกนี้นี่แหละ ปัญหานี้ไม่ได้เกิดขึ้นกับ Arcane ด้วยลำดับเรื่องที่ขั้นเทพ หรือว่าอะไรต้องเล่าก่อน อะไรเล่าหลัง ซ้ำยังปิดท้ายตอนจบ ของแต่ละตอน ได้อยากชวนน่าติดตาม เรื่องนี้สำคัญมากๆ

สำหรับการเป็นซีรีส์ มันจะทำให้เราเกิดอาการ ขออีกตอนก่อนนอน อะไรประมาณนั้น แถมการปล่อยทีละ 3 ตอนของ series ก็ไม่ได้ทำให้เรานั้นรู้สึกหงุดหงิด เพราะแต่ละชุด มีจุดมุ่งหมาย ข้อสรุปเป็นของตัวเองชัดเจน ทุกๆ 3 ตอนที่ปล่อยไปนั้น เหมือนแบ่งเป็น แต่ละองค์ของภาพยนตร์ Arcane นั้นให้ความรู้สึก เหมือนกำลังดูหนัง เรื่องยาวๆเรื่องหนึ่ง อะไรประมาณนั้นเลย

ติดตามข้อมูล  รีวิว Arcane  เพิ่มเติมได้ที่ @UFA-X10

Miss M